วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

กล่องบรรจุภัณฑ์สวยๆ ด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์


 

 

กล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษสวยๆ นอกเหนือจากการพิมพ์สีสวยๆจากเครื่องพิมพ์แล้ว ยังสามารถใช้เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์เพื่อเพิ่มความสวยงาม และโดดเด่นให้กับตัวกล่องได้ ซึ่งในการรับผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์นั้น ร้านค้าหรือโรงพิพม์แต่ละที่จะมีวิธีการหลังการพิมพ์เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคอยู่ มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น

1.การเคลือบ PVC , UV การเคลือบแบบนี้จะมีทั้งแบบเงาและแบบด้าน เป็นการเคลือบลงบนเนื้องานทั้งหมด ให้ความสวยงามต่างกันหากเป็นแบบมันเงาตัวงานจะเงาสะท้อนแสง และสีจะดูสดขึ้นจากการผลิตปกติ แต่หากเป็นแบบด้านนั้น ก็จะตรงข้ามกับแบบเงา

2.การเคลือบเฉพาะจุดหรือ Spot UV นั้นเอง ก็เหมือนตามชื่อเรียกเคลือบเฉพาะจุด จะเลือกทำเฉพาะส่วนเท่านั้น และจะนิยมทำคู่กับการเคลือบด้าน เพราะการ Spot UV นั้น บริษัทที่ทำจะมันเงา ต้องทำลงบนเนื้อานที่เป็นผิวด้านจะได้ตัดขึ้นตัวงานจะได้ดูเด่นขึ้นมา

3.ปั๊มฟอยล์ ฟอยล์ที่ใช้ในการทำจะมีหลายสีเฉดให้เลือก เช้น แดง น้ำเงิน เขียว ชมพู แต่สีที่นิยมใช้กันจะเป็นสีเงินและทอง เพระาทำให้งานดูหรูและแพงนั้นเอง นิยมทำในส่วนที่เป็นโลโก้ หรือข้อความต่างๆมากกว่าพื้นหลัง

4.ปั๊มนูน/จม การปั๊มวิธีนนี้นั้นรอปั๊มจะทะลุกันระหว่างด้านหน้าและหลัง หากปั๊มนูนด้านหน้า ด้านหลังก็จะจม ส่วนใหญ่จะใช้ทำกับส่วนที่เป็นโลโก้

จะเห็นได้ว่าเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์นั้นมีหลายวิธี หากไม่ทราบหรือไม่มีความรู้ว่าจะเลือกทำเป็นแบบไหน สามารถขอคำปรึกษาได้กับทางผู้ที่รับผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ได้

วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

งานพิมพ์เมนูอาหารเข้าเล่มแบบเย็บแม็ก


 
งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บแม็ดหรือเย็บมุงหลังคา ลักษณะการเข้าเล่มจะเป็นการพิมพ์ลงกระดาษแผ่นใหญ่แล้วมาพับครึ่งเย็บแม็กตรงกลางเล่ม เหมาะสำหรับพิมพ์เมนูอาหารที่มีจำนวนหน้าไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เพราะว่าหากมีจำนวนหน้ามากเกินไปทำให้เมนูมีความหนามากเวลาเย็บเล่มอาจจะทำยาก ตัวเม็คที่ใช้เย็บจะไม่สามารถเย็บตัวกระดาษได้หมดทำให้หลุดได้

ขนาดงานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บแม็กหรือเย็บมุงหลังคานั้น ส่วนใหญ่จะนิยมทำ A-5 , A-4 หรือขนาดงานที่เวลากางออกแล้วจะไม่เกิน A-3 กระดาษที่ใช้ในการทำจะเป็นกระดาษที่หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป ตัวปกและเนื้อในจะเลือกใช้กระดาษที่มีความหนาเท่ากันหรือว่าหน้าปกหนากว่าด้านในก็ได้

เมนูอาหารแบบเย็บแม็กมุงหลังคานั้น จำนวนหน้ารวมปกทั้งหมดจะต้องเป็นหน้าคู่และหาร 4 ลงตัว จำนวนหน้าน้อยที่สุดคือ 8 หน้า รวมปก งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้นไม่สามารถจะทำเป็นแบบแข็งได้เพราะว่ากระดาษที่หนาหรือแข็งมากๆเวลาพับกระดาษจะแตกได้

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

การ์ดเชิญสวยๆด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์




การ์ดเชิญหรือบัตรเชิญต่างๆนั้น โดยเฉพาะการ์ดงานมงคล เช่น การ์ดแต่งงาน การ์ดงานเปิดตัวหรืองานสัมมนาต่างๆนั้น หากถ้าเป็นงานที่จัดใหญ่การ์ดเชิญยิ่งต้องดูดีเพราะการ์ดเชิญเหมือนเป็นตัวสะท้อนถึงเจ้าของงานที่จัดได้ ซึ่งหากจะเป็นแค่งานพิมพ์เฉยๆก็อาจจะดูว่ามันธรรมดาเกินไป ดังนั้นในการรับพิมพ์การ์ดจึงมีเทคนิคพิเศษหลังการมาพิมพ์มาเป็นตัวช่วย ให้งานพิมพ์การ์ดเชิญหรือบัตรเชิญต่างๆนั้น ดูดี ได้แก่

1.การเคลือบ มีทั้งแบบเคลือบเงาและเคลือบด้าน จะเป็นการเคลือบลงบนชิ้นงานทั่วทั้งแผ่น

2.ปั๊มฟอยล์ ฟอยล์จะมีหลายสีแต่สีที่นิยมใช้กันจะเป็นฟ้อยเงินและฟอยล์ทอง มีทั้งแบบเงาและแบบด้าน

3.ปั๊มนูน/ปั๊มจม ทำได้ตามการออกแบบเลยว่าจะทำตรงไหน แต่หากเป็นกระดาษที่บางมากๆจะปั๊มไม่ค่อยขึ้น

4.Spot UV หรือการเคลือบเฉพาะจุด จะต้องทำลงบนกระดาษที่มีความหนาพอสมควร หากเป็นกระดาษบางจะทำให้กระดาษงอได้และนิยมทำคู่ไปกับการเคลือบด้าน

5.ไดคัท เป็นการตัดชิ้นงานออกมาเป็นตามรูปแบบที่ต้องการ เช่น ไดคัทเป็นรูปผีเสื้อ

6.ปรุฉีก

ซึ่งหากมองว่าการทำการ์ดเชิญนั้น แค่พิมพ์อย่างเดียวนั้นดูธรรมดาเกินไปก็เลือกใช้เทคนิคพิเศษต่างๆหลังการพิมพ์มาช่วยได้ หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคแต่ละวิธีสามารถสอบถามจากผู้ที่รับพิมพ์การ์ดได้


วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หน้าปกหนังสือสวยๆ ด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์


 



งานพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่แล้วจะมีแค่ตัวหนังสือโดยเฉพาะพวกหนังสือเรียน ตำราเรียน นิยาย พ็อกเก็ตบุ๊คต่างๆ เว้นแต่จะเป็นหนังสือนิตยสาร แม็กกาซีนต่างๆ หรือหนังสือท่องเที่ยวที่ต้องมีรูปภาพประกอบ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสวยงามและน่าสนใจให้กับหนังสือ ผู้ที่รับพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่จึงจะมีเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์เอาไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งก็จะมีหลายวิธีและแต่ละวิธีก็ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันไป เช่น

1.การคลือบเงา/ด้าน จะมีทั้งเคลือบ PVC และ UV ใช้งานตามรูปแบบการพิพม์อีกทีว่าเป็นงานพิมพ์ดิจิตอลหรือออฟเซท

2.Spot UV หรือเรียกอีกอย่างว่าการเคลือบเฉพาะจุด ส่วนที่ Spot UV จะมันเงา นิยมทำควบคู่กับการเคลือบด้าน เพราะสีเนื้องานเงากับด้านจะตัดกัน ทำให้ส่วนที่ Spot UV ดูเด่นขึ้นมา

3.การปั๊มฟอยล์ ฟอยล์ที่ใช้ในการทำนั้นจะมีหลายสีไม่ว่าจะเป็นน้ำเงิน ชมพู เขียว ทอง เงิน แต่สีที่นิยมใช้กันมากนั้นจะเป็นฟอยล์สีทองและสีเงิน

4.ปั๊มนูน/ปั๊มจม จะนิยมใช้กับหน้าปกหนังสือที่มีความหนาพอสมควรและ พิมพ์ด้านเดียวเพราะว่าการปั๊มนั้นอีกด้านก็จะเป็นรอยปั๊มไปด้วยนั้นเอง

ในการรับพิมพ์หนังสือหนังสือนั้นจะถูกนำวิธีการต่างๆที่กล่าวมานั้น มาใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับงาน ซึ่งการเลือกใช้วิธีไหนนั้นก็ต้องดูการออกแบบและสีสันของด้วยว่าสามารถเลือกใช้วิธีไหนจึงจะเหมาะสมกว่ากัน


วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เพิ่มความสวยงามให้กับป้ายแท็กกระดาษด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์


 


งานพิมพ์ป้ายแท็กสินค้า หรือป้ายแท็กกระดาษนั้น ส่วนใหญ่หากไม่ใช่ป้านแท็กกระดาษล้วนที่เป็นสีกระดาษเลยก็จะทำการพิมพ์ลายหรือข้อความต่างๆลงไป จะพิมพ์หน้าเดียวหรือว่าพิมพ์หน้า-หลัง ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบงาน หลายๆคน อาจจะคิดว่ามันดูธรรมดาเกินไป ดังนั้น เราจึงมีวิธีการเพิ่มความสวยงามและโดดเด่นให้กับงานพิพม์ป้ายแท็กสินค้า โดยใช้เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ ซึ่งผู้ที่รับทำป้ายแท็กแต่ละที่ก็จะสามารถทำได้ ดังนี้

1.การเคลือบจะมี 2 แบบ คือการเคลือลเงาและเคลือบด้าน หากเป็นงานพิมพ์ป้ายแท็กระบบดิจิตอล จะนิยมเคลือบ PVC หรือลามิเนต แต่หากเป็นงานพิมพ์ระบบออฟเซ็ทจะเป็นการเคลือบ UV

2.ไดคัท การไดคัทเป็นการตัดกระดาษออกมาเป็นชิ้นงานสำเร็จตามแบบที่ต้องการจะเป็น ทรงกลม รูปดาว หรือรูปทรงอื่นๆก็สามารถทำได้ จะมีทั้งการไดคัทเครื่องและการทำบล็อกปั๊มไดคัท

3.การเคลือบเฉพาะจุดหรือ Spot UV นิยมทำคู่กับการเคลือบด้านเพราะจะ Spot UV ส่วนที่ทำจะมันเงาพอไปตัดกับพื้นงานที่เคลือบด้าน จึงทำให้ส่วนที่ Spot UV ดูเด่นขึ้นมา

4.ปั๊มฟอยล์นิยมใช้เป็นฟอยล์ทองและฟอยล์เงิน ซึ่งจริงๆแล้ว ยังมีฟอยล์สีอื่นด้วย เช่น สีชมพู สีเขียว เป็นต้น นิยมทำส่วนที่เป็นโลโก้

5.ปั๊มนูน การปั๊มเหมาะกับการทำงานพิมพ์ป้ายแท็กแบบพิมพ์หน้าเดียว เพราะการปั๊มนูนนั้น อีกฝั่งของกระดาษก็จะเป็นรอยปั๊มลงไป

เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ที่กล่าวมา ผู้ที่รับทำป้ายแท็กทุกทีสามารถทำได้ เพราะเทคนิคหลังการพิมพ์เหล่านี้สามารถนำไปใช้กับงานพิมพ์อื่นๆ เช่น การ์ดเชิญ เมนูอาหาร ได้

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หน้าปกหนังสือสวยๆ ทำได้ด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์


 

งานพิมพ์หนังสือโดยเฉพาะหนังสือที่มีการสั่งทำขึ้นมานำไปขาย ไม่ใช่หนังสือแจกฟรี จะนิยมใช้เทคนิคหลังการพิมพ์มาใช้เพื่อเพิ่มความสวมงานให้กับหนังสือ โดยเฉพาะในส่วนของหน้าปกหนังสือ ในการรับพิมพ์หนังสือนั้น ผู้ที่รับพิมพ์จะมีขั้นตอนเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ไว้ให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย แต่วิธีที่นิยมใช้กัน ได้แก่
1.การเคลือบมีทั้งแบบเงาและแบบด้าน
2.ปั๊มนูน นิยมใช้กับโลโก้ชื่อหนังสือ หรือรูป
3.ปั๊มฟอยล์ทอง/เงิน
4.Spot UV หรือเรียกอีกอย่างว่าการเคลือบเฉพาะจุด
5.ไดคัท สามารถตัดเป็นงานสำเร็จตามรูปแบบที่ต้องการได้
ในการรับพิมพ์หนังสือนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วหน้าปกจะใช้กระดาษที่มีความหนามากกว่าเนื้อใน เพื่อความทน ซึ่งนอกจากกระดาษขาวที่ใช้กันอยู่ทั่วไปแล้ว ยังสามารถเลือกใช้กระดาษพิเศษอื่นๆได้ เช่น กระดาษที่ลายหรือมีสีในตัวกระดาษเอง และหากต้องการงานพิมพ์หนังสือแบบปกแข็งมากๆ ก็จะนิยมทำเป็นแบบจั่วปัง คือกระดาษแข็งสีน้ำตาล

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ระบบสีของงานพิมพ์การ์ดแต่งงาน


 


งานพิมพ์โดยทั่วไปนั้นจะแยกออกเป็นระบบงานพิมพ์ 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ งานพิมพ์ระบบดิจิตอลและออฟเซท ซึ่งทั้งในการรับพิมพ์การ์ดแต่งงานสามารถพิมพ์ได้ทั้ง 2 ระบบ ซึ่งจะต้องดูว่าแบบไหนเหมาะสมกว่ากันนั้นเอง งานพิมพ์ดิจิตอลเหมาะสำหรับงานพิมพ์การ์ดแต่งงานที่สั่งทำจำนวนไม่มาก ส่วนออฟเซทต้องทำในจำนวนที่มากถึงจะคุ้ม

ระบบสีสำหรับงานพิมพ์ระบบดิจิตอลนั้นหากพิมพ์สีดำเพียงสีเดียว เรียกว่าพิมพ์ 1 สี แต่ถ้าหากว่าเป็นสีอื่นๆที่นอกเหนือจากสีดำนับเป็นงานพิมพ์ 4 สี เช่น การ์ดพิมพ์แค่สองสีได้แก่สี แดงและน้ำเงิน ก็ถือเป็นงานพิมพ์ 4 สี ซึ่งจะไม่มีสีขาวหรือไม่สามารถพิมพ์สีขาวได้นั้นเอง สีขาวนับเป็นสีพิเศษ เช่นเดียวกับสีทอง สีเงิน เพราะจะมีแค่ค่สีหลัก CMYK แดง เหลือง ดำ น้ำเงิน หากเป็นสีอื่นๆก็คือการผสมสีกันนั้นเอง

ส่วนงานพิมพ์ระบบออฟเซทนั้น หากในชิ้นงานมีแค่ 2 สี เช่น ดำและ ถือเป็นงานพิมพ์ 2 สี ซึ่งงานพิมพ์สองสีในระบบออฟเซทนั้นราคาจะถูกกว่างานพิมพ์ 4 สี และระบบการพิมพ์แบบออฟเซทนั้นถึงแม้ว่าในปัจจุบันความแตกต่างในเรื่องสีเมื่อเทียบระหว่างงานพิมพ์ดิจิตอลกับออฟเซทจะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่เมื่อเปรียญเทียบกันดูงานพิมพ์ออฟเซทสีจะแน่นกว่าและสม่ำเสมอกันมากกว่า แต่ถ้าหากถามว่าในการรับพิมพ์การ์ดแต่งงานนั้น นิยมเลือกพิมพ์ระบบไหนมากกว่ากันต้องบอกว่าเป็นระบบดิจิตอลเพราะงานพิมพ์ดิจิตอลไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนที่ต้องการสั่งทำ หรือไม่มีขั้นต่ำในการสั่งทำนั้นเอง เพราะการรับพิมพ์การ์ดแต่งงานส่วนใหญ่นั้นโดยปกติก็จะมีการสั่งทำกันอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 ใบ หรือไม่เกิน 1,000 ใบ