วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2559

งานพิมพ์เมนูอาหารเข้าเล่มแบบเย็บแม็ก


 
งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บแม็ดหรือเย็บมุงหลังคา ลักษณะการเข้าเล่มจะเป็นการพิมพ์ลงกระดาษแผ่นใหญ่แล้วมาพับครึ่งเย็บแม็กตรงกลางเล่ม เหมาะสำหรับพิมพ์เมนูอาหารที่มีจำนวนหน้าไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป เพราะว่าหากมีจำนวนหน้ามากเกินไปทำให้เมนูมีความหนามากเวลาเย็บเล่มอาจจะทำยาก ตัวเม็คที่ใช้เย็บจะไม่สามารถเย็บตัวกระดาษได้หมดทำให้หลุดได้

ขนาดงานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บแม็กหรือเย็บมุงหลังคานั้น ส่วนใหญ่จะนิยมทำ A-5 , A-4 หรือขนาดงานที่เวลากางออกแล้วจะไม่เกิน A-3 กระดาษที่ใช้ในการทำจะเป็นกระดาษที่หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป ตัวปกและเนื้อในจะเลือกใช้กระดาษที่มีความหนาเท่ากันหรือว่าหน้าปกหนากว่าด้านในก็ได้

เมนูอาหารแบบเย็บแม็กมุงหลังคานั้น จำนวนหน้ารวมปกทั้งหมดจะต้องเป็นหน้าคู่และหาร 4 ลงตัว จำนวนหน้าน้อยที่สุดคือ 8 หน้า รวมปก งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้นไม่สามารถจะทำเป็นแบบแข็งได้เพราะว่ากระดาษที่หนาหรือแข็งมากๆเวลาพับกระดาษจะแตกได้

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

การ์ดเชิญสวยๆด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์




การ์ดเชิญหรือบัตรเชิญต่างๆนั้น โดยเฉพาะการ์ดงานมงคล เช่น การ์ดแต่งงาน การ์ดงานเปิดตัวหรืองานสัมมนาต่างๆนั้น หากถ้าเป็นงานที่จัดใหญ่การ์ดเชิญยิ่งต้องดูดีเพราะการ์ดเชิญเหมือนเป็นตัวสะท้อนถึงเจ้าของงานที่จัดได้ ซึ่งหากจะเป็นแค่งานพิมพ์เฉยๆก็อาจจะดูว่ามันธรรมดาเกินไป ดังนั้นในการรับพิมพ์การ์ดจึงมีเทคนิคพิเศษหลังการมาพิมพ์มาเป็นตัวช่วย ให้งานพิมพ์การ์ดเชิญหรือบัตรเชิญต่างๆนั้น ดูดี ได้แก่

1.การเคลือบ มีทั้งแบบเคลือบเงาและเคลือบด้าน จะเป็นการเคลือบลงบนชิ้นงานทั่วทั้งแผ่น

2.ปั๊มฟอยล์ ฟอยล์จะมีหลายสีแต่สีที่นิยมใช้กันจะเป็นฟ้อยเงินและฟอยล์ทอง มีทั้งแบบเงาและแบบด้าน

3.ปั๊มนูน/ปั๊มจม ทำได้ตามการออกแบบเลยว่าจะทำตรงไหน แต่หากเป็นกระดาษที่บางมากๆจะปั๊มไม่ค่อยขึ้น

4.Spot UV หรือการเคลือบเฉพาะจุด จะต้องทำลงบนกระดาษที่มีความหนาพอสมควร หากเป็นกระดาษบางจะทำให้กระดาษงอได้และนิยมทำคู่ไปกับการเคลือบด้าน

5.ไดคัท เป็นการตัดชิ้นงานออกมาเป็นตามรูปแบบที่ต้องการ เช่น ไดคัทเป็นรูปผีเสื้อ

6.ปรุฉีก

ซึ่งหากมองว่าการทำการ์ดเชิญนั้น แค่พิมพ์อย่างเดียวนั้นดูธรรมดาเกินไปก็เลือกใช้เทคนิคพิเศษต่างๆหลังการพิมพ์มาช่วยได้ หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคนิคแต่ละวิธีสามารถสอบถามจากผู้ที่รับพิมพ์การ์ดได้


วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หน้าปกหนังสือสวยๆ ด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์


 



งานพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่แล้วจะมีแค่ตัวหนังสือโดยเฉพาะพวกหนังสือเรียน ตำราเรียน นิยาย พ็อกเก็ตบุ๊คต่างๆ เว้นแต่จะเป็นหนังสือนิตยสาร แม็กกาซีนต่างๆ หรือหนังสือท่องเที่ยวที่ต้องมีรูปภาพประกอบ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสวยงามและน่าสนใจให้กับหนังสือ ผู้ที่รับพิมพ์หนังสือส่วนใหญ่จึงจะมีเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์เอาไว้เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งก็จะมีหลายวิธีและแต่ละวิธีก็ให้ความสวยงามที่แตกต่างกันไป เช่น

1.การคลือบเงา/ด้าน จะมีทั้งเคลือบ PVC และ UV ใช้งานตามรูปแบบการพิพม์อีกทีว่าเป็นงานพิมพ์ดิจิตอลหรือออฟเซท

2.Spot UV หรือเรียกอีกอย่างว่าการเคลือบเฉพาะจุด ส่วนที่ Spot UV จะมันเงา นิยมทำควบคู่กับการเคลือบด้าน เพราะสีเนื้องานเงากับด้านจะตัดกัน ทำให้ส่วนที่ Spot UV ดูเด่นขึ้นมา

3.การปั๊มฟอยล์ ฟอยล์ที่ใช้ในการทำนั้นจะมีหลายสีไม่ว่าจะเป็นน้ำเงิน ชมพู เขียว ทอง เงิน แต่สีที่นิยมใช้กันมากนั้นจะเป็นฟอยล์สีทองและสีเงิน

4.ปั๊มนูน/ปั๊มจม จะนิยมใช้กับหน้าปกหนังสือที่มีความหนาพอสมควรและ พิมพ์ด้านเดียวเพราะว่าการปั๊มนั้นอีกด้านก็จะเป็นรอยปั๊มไปด้วยนั้นเอง

ในการรับพิมพ์หนังสือหนังสือนั้นจะถูกนำวิธีการต่างๆที่กล่าวมานั้น มาใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับงาน ซึ่งการเลือกใช้วิธีไหนนั้นก็ต้องดูการออกแบบและสีสันของด้วยว่าสามารถเลือกใช้วิธีไหนจึงจะเหมาะสมกว่ากัน


วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เพิ่มความสวยงามให้กับป้ายแท็กกระดาษด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์


 


งานพิมพ์ป้ายแท็กสินค้า หรือป้ายแท็กกระดาษนั้น ส่วนใหญ่หากไม่ใช่ป้านแท็กกระดาษล้วนที่เป็นสีกระดาษเลยก็จะทำการพิมพ์ลายหรือข้อความต่างๆลงไป จะพิมพ์หน้าเดียวหรือว่าพิมพ์หน้า-หลัง ก็ขึ้นอยู่กับการออกแบบงาน หลายๆคน อาจจะคิดว่ามันดูธรรมดาเกินไป ดังนั้น เราจึงมีวิธีการเพิ่มความสวยงามและโดดเด่นให้กับงานพิพม์ป้ายแท็กสินค้า โดยใช้เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ ซึ่งผู้ที่รับทำป้ายแท็กแต่ละที่ก็จะสามารถทำได้ ดังนี้

1.การเคลือบจะมี 2 แบบ คือการเคลือลเงาและเคลือบด้าน หากเป็นงานพิมพ์ป้ายแท็กระบบดิจิตอล จะนิยมเคลือบ PVC หรือลามิเนต แต่หากเป็นงานพิมพ์ระบบออฟเซ็ทจะเป็นการเคลือบ UV

2.ไดคัท การไดคัทเป็นการตัดกระดาษออกมาเป็นชิ้นงานสำเร็จตามแบบที่ต้องการจะเป็น ทรงกลม รูปดาว หรือรูปทรงอื่นๆก็สามารถทำได้ จะมีทั้งการไดคัทเครื่องและการทำบล็อกปั๊มไดคัท

3.การเคลือบเฉพาะจุดหรือ Spot UV นิยมทำคู่กับการเคลือบด้านเพราะจะ Spot UV ส่วนที่ทำจะมันเงาพอไปตัดกับพื้นงานที่เคลือบด้าน จึงทำให้ส่วนที่ Spot UV ดูเด่นขึ้นมา

4.ปั๊มฟอยล์นิยมใช้เป็นฟอยล์ทองและฟอยล์เงิน ซึ่งจริงๆแล้ว ยังมีฟอยล์สีอื่นด้วย เช่น สีชมพู สีเขียว เป็นต้น นิยมทำส่วนที่เป็นโลโก้

5.ปั๊มนูน การปั๊มเหมาะกับการทำงานพิมพ์ป้ายแท็กแบบพิมพ์หน้าเดียว เพราะการปั๊มนูนนั้น อีกฝั่งของกระดาษก็จะเป็นรอยปั๊มลงไป

เทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ที่กล่าวมา ผู้ที่รับทำป้ายแท็กทุกทีสามารถทำได้ เพราะเทคนิคหลังการพิมพ์เหล่านี้สามารถนำไปใช้กับงานพิมพ์อื่นๆ เช่น การ์ดเชิญ เมนูอาหาร ได้

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หน้าปกหนังสือสวยๆ ทำได้ด้วยเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์


 

งานพิมพ์หนังสือโดยเฉพาะหนังสือที่มีการสั่งทำขึ้นมานำไปขาย ไม่ใช่หนังสือแจกฟรี จะนิยมใช้เทคนิคหลังการพิมพ์มาใช้เพื่อเพิ่มความสวมงานให้กับหนังสือ โดยเฉพาะในส่วนของหน้าปกหนังสือ ในการรับพิมพ์หนังสือนั้น ผู้ที่รับพิมพ์จะมีขั้นตอนเทคนิคพิเศษหลังการพิมพ์ไว้ให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย แต่วิธีที่นิยมใช้กัน ได้แก่
1.การเคลือบมีทั้งแบบเงาและแบบด้าน
2.ปั๊มนูน นิยมใช้กับโลโก้ชื่อหนังสือ หรือรูป
3.ปั๊มฟอยล์ทอง/เงิน
4.Spot UV หรือเรียกอีกอย่างว่าการเคลือบเฉพาะจุด
5.ไดคัท สามารถตัดเป็นงานสำเร็จตามรูปแบบที่ต้องการได้
ในการรับพิมพ์หนังสือนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วหน้าปกจะใช้กระดาษที่มีความหนามากกว่าเนื้อใน เพื่อความทน ซึ่งนอกจากกระดาษขาวที่ใช้กันอยู่ทั่วไปแล้ว ยังสามารถเลือกใช้กระดาษพิเศษอื่นๆได้ เช่น กระดาษที่ลายหรือมีสีในตัวกระดาษเอง และหากต้องการงานพิมพ์หนังสือแบบปกแข็งมากๆ ก็จะนิยมทำเป็นแบบจั่วปัง คือกระดาษแข็งสีน้ำตาล

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ระบบสีของงานพิมพ์การ์ดแต่งงาน


 


งานพิมพ์โดยทั่วไปนั้นจะแยกออกเป็นระบบงานพิมพ์ 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ งานพิมพ์ระบบดิจิตอลและออฟเซท ซึ่งทั้งในการรับพิมพ์การ์ดแต่งงานสามารถพิมพ์ได้ทั้ง 2 ระบบ ซึ่งจะต้องดูว่าแบบไหนเหมาะสมกว่ากันนั้นเอง งานพิมพ์ดิจิตอลเหมาะสำหรับงานพิมพ์การ์ดแต่งงานที่สั่งทำจำนวนไม่มาก ส่วนออฟเซทต้องทำในจำนวนที่มากถึงจะคุ้ม

ระบบสีสำหรับงานพิมพ์ระบบดิจิตอลนั้นหากพิมพ์สีดำเพียงสีเดียว เรียกว่าพิมพ์ 1 สี แต่ถ้าหากว่าเป็นสีอื่นๆที่นอกเหนือจากสีดำนับเป็นงานพิมพ์ 4 สี เช่น การ์ดพิมพ์แค่สองสีได้แก่สี แดงและน้ำเงิน ก็ถือเป็นงานพิมพ์ 4 สี ซึ่งจะไม่มีสีขาวหรือไม่สามารถพิมพ์สีขาวได้นั้นเอง สีขาวนับเป็นสีพิเศษ เช่นเดียวกับสีทอง สีเงิน เพราะจะมีแค่ค่สีหลัก CMYK แดง เหลือง ดำ น้ำเงิน หากเป็นสีอื่นๆก็คือการผสมสีกันนั้นเอง

ส่วนงานพิมพ์ระบบออฟเซทนั้น หากในชิ้นงานมีแค่ 2 สี เช่น ดำและ ถือเป็นงานพิมพ์ 2 สี ซึ่งงานพิมพ์สองสีในระบบออฟเซทนั้นราคาจะถูกกว่างานพิมพ์ 4 สี และระบบการพิมพ์แบบออฟเซทนั้นถึงแม้ว่าในปัจจุบันความแตกต่างในเรื่องสีเมื่อเทียบระหว่างงานพิมพ์ดิจิตอลกับออฟเซทจะไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่เมื่อเปรียญเทียบกันดูงานพิมพ์ออฟเซทสีจะแน่นกว่าและสม่ำเสมอกันมากกว่า แต่ถ้าหากถามว่าในการรับพิมพ์การ์ดแต่งงานนั้น นิยมเลือกพิมพ์ระบบไหนมากกว่ากันต้องบอกว่าเป็นระบบดิจิตอลเพราะงานพิมพ์ดิจิตอลไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนที่ต้องการสั่งทำ หรือไม่มีขั้นต่ำในการสั่งทำนั้นเอง เพราะการรับพิมพ์การ์ดแต่งงานส่วนใหญ่นั้นโดยปกติก็จะมีการสั่งทำกันอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 ใบ หรือไม่เกิน 1,000 ใบ

วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

ข้อแนะนำในการออกแบบงานพิมพ์กล่องสบู่


 

งานพิมพ์กล่องสบู่ก็เหมือนกับงานพิมพ์อื่นๆทั่วไป ต่างกันที่รูปแบบงาน ซึ่งก่อนที่จะมีการพิมพืหรือผลิตก็ต้องมีอาร์ตเวิร์ตหรือไฟล์งานสำหรับพิมพ์ก่อน ซึ่งในการออกแบบกล่องสบู่นั้นมีข้อแนะนำเล็กน้อยๆ เพื่อเวลานำไฟล์งานไปใช้พิมพ์ พิมพ์ออกมาแล้วจะได้งานที่สวย
-ตั้งค่าสีเป็น CMYK ไม่ใช้ RGB หรืออื่นๆ เพราะค่าสีในระบบงานพิมพ์นั้นจะเป็น CMKY
-หลีกเลี่ยงโทนสีเข้ม เช่น สีน้ำตาล เขียวเข้ม สีน้ำเงิน เป็นต้น เพราะสีพวกนี้ถ้าเครื่องพิพม์ไม่ดีจริง สีที่ได้ออกมาอาจจะไม่เท่ากันหรือเป็นรอยด่าง
-ทำพื้นหลังเผื่อขอบงานจริง เพราะขั้นตอนในการปั๊มไดคัทออกมาเป็นชิ้นงานจริงอาจจะเบี้ยวได้
-หลีกเลี่ยงการทำอาร์ตเป็นสีทองหรือสีเงิน สีเป็นประกาย เพราะสีพวกนี้จะเป็นสีพิเศษ ร้านที่รับทำบางทีอาจจะไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะถ้าหากสั่งทำไม่มาก และค่าใช้จ่ายจะสูงกว่างานพิพม์สีปกติ
-การออกแบบงานพิมพ์กล่องสบู่ ควรเผื่อขนาดกล่องให้มีขนาดใหญ่กว่าขนาดสบู่เล็กน้อย ไม่คสรทำออกมาขนาดกล่องให้เท่ากับสบู่เลย เพราะว่าถ้าหากขนาดพอดีเกินไจะใส่สบู่ลงในกล่องลำบากและสบู่อาจจะเสียรูปทรง
-ถ้าอยากประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำกล่องสบู่ เพราะจะทำขนาดกล่องสบู่ตามขนาดงานเดิมที่ทางร้านที่รับทำมีอยู่ จะได้ใช้บล็อกขึ้นรูปงานเดิมที่มี ไม่ต้องทำบล็อกขึ้นรูปใหม่
ที่กล่าวมาอาจจะเป็นเพียงข้อแนะนำเล็กๆน้อย เท่านั้น ซึ่งหากใครที่สนใจทำงานพิมพ์กล่องสบู่สามารถนำข้อแนะนำดังกล่าว ไปปรับใช้กับไฟล์งานกล่องสบู่ที่จะทำได้

วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

กระดาษที่ใช้สำหรับการทำงานพิพม์เมนูอาหารจากกระดาษ



งานพิมพ์เมนูอาหาร ส่วนใหญ่นิยมทำมาจากวัสดุกระดาษ ซึ่ง กระดาษจะเป็นแบบบางหรือแบบแข็งก็ขึ้นอยู่กับรุปแบบของงาน โดยปกติแล้วกระดาษที่นำมาใช้พิมพ์เมนูอาหารนั้น จะเป็นกระดาษสีขาว เนื่องจากมีต้นทุนที่น้อยกว่ากระดาษที่มีสีอยู่ในตัว ซึ่งสำหรับงานพิมพ์ดิจิตอลแล้ว กระดาษที่นิยมใช้ในการทำเมนูอาหาร ได้แก่
กระดาษอาร์ตการ์ด ที่มีความหนาตั้งแต่ 210 – 350 แกรม หากเป็นแมนูอาหารแบบเป็นแผ่นไม่ต้องประกบ เช่น แบบเย็บหมุด แบบเข้าห่วง แบบพับ จะนิยมใช้เป็นกระดาษอาร์ตการืดที่มีความหนา 300 และ 350 แกรม แต่ถ้าหากว่าเป็นเมนูอาหารที่การเข้าเล่มต้องใช้วิธรการประกบกันของกระดาษ เช่น การเข้าเล่มแบบปีกผีเสื้อ จะใช้เป็นกระดาษอาร์ตการ์ด 210 – 260 แกรม ซึ่งกระดาษอาร์ตการ์ดจะมีทั้งแบบที่เนื้อกระดาษมันเงาอยู่แล้วในตัวและแบบด้าน
กระดาษการ์ดขาว จะคล้ายกับกระดาษอาร์ตการ์ดแต่เนื้อกระดาษจะขาวกว่าและจะให้ความรู้สึกด้านๆ เหมือนกระดาษปอนด์ที่ใช้วาดรูป
กระดาษพิเศษอื่นๆ เช่น กระดาษที่มีของของกระดาษในตัว เช่น กระดาษสีครีม สีมุก หรือกระดาษที่มีลายของกระดาษเอง
แต่ส่วนใหญ่แล้ว กระดาษที่นำมาใช้ในการพิมพ์เมนูอาหารจะนิยมใช้กระดาษสีขาวมากกว่า เพราะว่าเวลาที่พิมพ์ออกมาสีของรูปภาพอาหารจะใกล้เคียงของของจริงมากกว่าพิมพ์ลงบนกระดาษสีอื่น

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข้อแนะนำในการผลิตและออกแบบงานพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์



กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ดี ย่อมเป็นผลที่ได้รับมาจากไฟล์งานต้นฉบับที่ดี ได้ผู้ผลิตผู้รับพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ เครื่องมือที่ดี ดังนี้เราจึงต้องรู้และมีความรู้เกี่ยวกับงานพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์บ้าง ซึ่งเรามีข้อแนะนำในการทำงานตั้งแต่ออกแบบมาให้ เพื่อจะได้มีงานกล่องบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม และดูมีมูลค่า

1.งานพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ควรจะทำการเคลือบไม่ว่าจะเคลือบเงาหรือด้าน ขึ้นอยู่กับความชอบ เพราะงานกล่องบรรจุภัณฑ์ยิ่งถ้าใช้กระดาษที่มีความหนามาก ถ้าหากไม่เคลือบส่วนที่เป็นเส้นพับขึ้นรูปกล่องเวลาประกอบใช้งานจริง จะเห็นเป็นรอยแตกของกระดาษ

2.หลีกเลี่ยงการปั๊มนูนพื้นที่เล็ก + การเคลือบ พื้นที่เล็ก เช่น การปั๊มนูนชื่อโลโก้ที่ใช้ฟ้อนท์ตัวเล็กและข้อความติดกันมากๆ เพราะถ้าหากปั๊มออกมาแล้วตัวพลาสติกที่ใช้เคลือบจะพอง ไม่สวย โดยเฉพาะถ้าเป็นงานสีพื้นที่เป็นโทนสีเข้ม เช่น สีดำ จะเห็นรอยชัดยิ่งขึ้น

3.การออกแบบไฟล์งาน ส่วนที่ใช้ในการประกอบติดกาวควรจะมีขนาดเล็กจนเกินไป เพราะจะได้มีพื้นที่ในการติดกาวเยอะๆ งานจะได้แน่นและไม่หลุดง่าย

4.เวลาออกแบบงานควรตั้งค่าสีเป็น CMYK เพื่อรองรับระบบงานพิมพ์และจะได้เห็นสีที่ใกล้เคียงกับของจริงเวลาออกแบบงาน

5.หลีกเลี่ยงการออกแบบงานที่มีกรอบแบ่งแยกพื้นที่ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นขอบกล่อง เพราะถ้าหากทางผู้ที่รับพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ทำงานในขั้นตอนการไดคัทผิดพลาดขึ้นมา จะทำให้เห็นว่างานเบี้ยวชัดเจน

ตามที่แจ้งไปอาจจะเป็นเพียงแค่จ้อแนะนำบางส่วนเท่านั้น แต่ถ้าหากว่าอาจจะทราบข้อแนะนำเพิ่มเติมเราสามารถสอบถามกับผู้ที่รับพิมพ์กล่องบรรจุภัณฑ์ หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมตามอินเน็ตได้

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2559

กระดาษที่ใช้ในการทำกล่องบรรจุภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง



กระดาษที่ใช้ในการรับทำกล่องบรรจุภัณฑ์ ประเภท เครื่องสำอาง ไม่ว่าจะเป็นกล่อง สบู่ กล่องครีม เซรั่ม เจลแต้มสิว ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นกล่องสินค้าเดียวๆตัวเดียว หรือว่าเป็นเซตก็แล้วแต่ กระดาษที่ใช้ทำก็แตกต่างกัน ตามการใช้งาน ตามขนาดของสินค้า และรูปแบบงาน แต่โดยทั่วไปแล้ว กระดาษที่นิยมใช้กันก็จะได้แก่

-กระดาษอาร์ตการ์ด หนา 300 แกรม ขึ้นไป

-กระดาษ Neo Matt หนา 300 แกรม ขึ้นไป

-กระดาษคราฟน้ำตาล หนา 250 แกรม ขึ้นไป

-กระดาษพิเศษอื่นๆ

แต่จะเห็นว่ากระดาษที่ใช้ในการรับทำกล่องบรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ จะเป็นกระดาษ ที่มีความหนา ตั้งแต่ 300 แกรมขึ้นไป เพราะว่าถ้าหากเลือกใช้กระดาษที่มีความหนาน้อยกว่านี้ เวลานำไปประกอบขึ้นรูปใช้งานจริงจะทำให้ตัวกล่องบรรจุภัณฑ์ไม่เป็นรูปร่าง ไม่มีความแข็งแรงคงทน นั้นเอง เว้นแต่ว่ากระดาษปรเภทกระดาษคราฟน้ำตาล ถ้าเทียบกันกับกระดาษขาวทั่วไปที่ความหนาของกระดาษเท่ากันนั้น กระดาษคราฟน้ำตาลจะมีความหนามากกว่า เหรือจะเป็นกระดาษพิเศษ ที่เวลาจะใช้งานจริงต้องมีการสั่งเข้ามาอีกที เพราะกระดาษบางชนิดตามร้านที่รับทำกล่องบรรจุภัณฑ์จะไม่ค่อยได้ใช้ เวลาจะใช้ต้องสั่งเข้ามา เนื่องมาจากว่า ต้นทุนสูง แล้วถ้าหากสั่งมาเยอะๆไม่ได้ใช้ ทิ้งไว้นานๆ ตัวจะดาษจะเหลือง ซึ่งถ้านำไปพิมพ์งานจริงสีก็จะไม่สวย ต่างออกไปจากไฟล์ต้นฉบับ ดังนั้นจะไม่ค่อยนิยมใช้กัน แต่ถ้าหากว่าอย่างได้กระดาษพิเศษจริงๆ ก็สามารถที่สั่งเข้ามาใช้งานได้

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2559

งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุด




งานพิมพ์เมนูอาหารแบบเย็บหมุด เป็นเมนูอาหารอีกรูปแบบหนึ่งที่มีการนิยมรับทำเมนูอาหารกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมเคลือบทั้งเล่ม จะเป็นเคลือบเงา/ด้าน ก็แล้วแต่ความต้องการ ซึ่งรูปแบบเมนูเมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้นก็จะเป็น

ปก พิมพ์ 4 สี 4 หน้า + หุ้มจั่วปัง

เนื้อใน กระดาษอาร์ตการ์ดที่มีความหน้าตั้งแต่ 190 – 350 g พิมพ์ 4 สี จะกี่หน้าก็แล้วแต่การออกแบบ

เข้าเล่ม หมุดที่ใช้จะนิยมเป็นสีเงิน และหมุดสีทอง

ซึ่งเมนูอาหารแบบเย็บหมุดจะตีเส้นพับทุกหน้าทั้งเนื้อในและตัวปก เพื่อเวลาเปิดใช้งานจะได้ง่าย และเป็นงานเคลือบทั้งเล่ม ทำให้สามารถใช้ผ้าเช็คทำความสะอาดได้ และตัวปกเป็นปกแข็งหุ้มจั่วปังทำให้มีความทนทานกว่างานเมนูอาหารแบบปกอ่อน ซึ่งในการทำนั้น ผู้ที่รับทำเมนูอาหารแบบเย็บหมุดนั้น ต้องมีความชำนาญในการทำ ไม่งั้นงานจะออกมาไม่สวย และเทคนิคหลังการพิมพ์อีกอย่างที่นิยมใช้ในการทำเมนูก็คือการ Spot UV หรือการเคลือบเฉพาะจุดนั้นเอง โดยจะเน้นทำในส่วนของโลโ หรือรูปภาพเมนูอาหาร เพื่อให้ส่วนที่ Spot UV นั้นดูเด่นขึ้นมา

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

กระดาษที่ใช้ในการทำงานพิมพ์ใบปลิว


งานพิมพ์ใบปลิว เป็นงานพิมพ์ที่ใช้แจกจ่ายกันทั่วไป ไม่ได้เป็นของสะสมเหมือนพวกงานพิมพ์โปสการ์ดต่างๆ ดังนั้นเวลามีการสั่งทำเป็นเป็นการประหยัดงบประมาณ จึงใช้กระดาษที่ไม่ต้องราคาสูงมาก ความหนาของกระดาษไม่ต้องมากก็ได้ ซึ่งงานพิมพ์ใบปลิวส่วนใหญ่จะใช้กระดาษบางหรือกระดาษที่มีความหนาไม่มาก ซึ่งกระดาษที่นิยมใช้ในการพิมพ์ใบปลิว เช่น

1.กระดาษปอนด์ ที่มีความหนาตั้งแต่ 70 g ขึ้นไป แต่ก็จะไม่เกิน 120 แกรม

2.กระดาษอาร์ตมัน ที่มีความหนาตั้งแต่ 105 g ขึ้นไป แต่ก็จะไม่เกิน 160 แกรม

3.กระดาษอาร์ตด้าน ที่มีความหนาตั้งแต่ 105 g ขึ้นไป แต่ก็จะไม่เกิน 160 แกรม

สาเหตุที่กระดาษดังที่กล่าวมา นิยมนำมาใช้ในการพิมพ์ใบปลิว ก็เพราะว่ามีราคาไม่สูงมากเมื่อเทียบกับกระดาษชนิดอื่น ที่มีกันตามท้องตลาด ยิ่งถ้าหากว่าเป็นการพิมพ์ใบปลิวด้วยระบบงานพิพม์ออฟเซทแล้วแกรมกระดาษยิ่งเยอะราคาก็จะสูงขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นกระดาษชนิเดียวกันก็ตาม

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การ์ดแต่งงานมันดูธรรมดาเกินไป ทำยังไงดี



 
เห็นการ์ดแต่งงานทั่วๆไป ใครหลายๆคน อาจจะคิดว่ามันดูธรรมดาเกินไป ไม่ดีอะไรน่าสนใจเลย แค่พิพม์ลวยลายข้อความต่างๆ ลงไปในกระดาษเอง ดังนั้นเรามาดูกันว่าถ้าหาก อยากเพิ่มความสวยงามให้กับงานพิมพ์การ์ดแต่งงาน จะทำยังไงได้บ้าง
1.เลือกใช้กระดาษพิเศษ ที่มี Texture หรือลวดลายต่างๆในตัวอยู่แล้ว หรือกระดาษที่มีสีพิเศษในตัว เพราะว่าโดยปกติทั่วไปนั้น กระดาษที่ใช้ในการพิพม์การ์ดแต่งงานจะเป็นกระดาษสีขาว เนื้อเรียบๆ นั้นเอง
2.เลือกการเคลือบเพื่อเพิ่มความมันเงา หรือเรียบหรูให้กับงานพิมพ์การ์ดแต่งงาน การเคลือบนั้นจะมีแบบด้านและแบบเงา ซึ่งในการพิมพ์การ์ดแต่งงานแบบดิจิตอลนั้น จะเป็นการเคลือบ PVC เคลือบ UV ไม่ได้ เพราะถ้าเคลือบยูวีจะทำให้หมึกละลาย
3.ปั๊มฟอยล์ ส่วนใหญ่แล้วถ้าเป็นการปั๊มฟอยล์ จะนิยมทำในส่วนของโลโก้ กรอบ หรือข้อความต่างๆ ซึ่งตัวฟอยล์นั้นจะมีหลายสี แต่สีที่นิยมจะเป็นสีเงินและสีทอง
4.ใช้การปั๊มนูน เพื่อเพิ่มมิติให้กับงานพิมพ์การ์ดแต่งงาน ส่วนใหญ่จะทำในส่วนของโลโก้ตัวหนังสือ เช่น ตัวย่อ

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559

งานพิมพ์เมนูอาหารแบบพับ



เมนูอาหารแบบพับนั้น มีหลายแบบไม่ว่าจะเป็นแบบพับครึ่ง พับ 2 ได้ ตอน หรือพับ 3 ได้ 4 ตอน พับแบบหน้าต่าง ฯลฯ งานพิมพ์เมนูอาหารแบบพับนั้นจะนิยมใช้ทำพวกเมนูเครื่องดื่ม เบเกอร์รี่ ไอศรีม หรือสำหรับร้านอาหารต่างๆที่มีจำนวนรายการอาหารไม่มาก เพราะเมนูอาหารแบบพับนั้นจะเป็นการรวบรวมเมนูทั้งหมดไว้ในกระดาษแผ่นเดียว โดยพิมพ์หน้า-หลัง   กระดาษที่นิยมใช้ในการทำงานพิมพ์เมนูอาหารแบบพับ ได้แก่
    • กระดาษอาร์ตการ์ดที่มีความหน้า ตั้งแต่ 240 แกรม ขึ้นไป
    • กระดาษกรีนการ์ดที่มีความหนาตั้งแต่ 240 แกรม ขึ้นไป
    • กระดาษการ์ดขาวที่มีความหนาตั้งแต่ 240 แกรม ขึ้นไป
    • กระดาษพิเศษอื่นๆ
และจะนิยมเคลือบทั้งเล่ม ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบ PVC เงาหรือด้าน ขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของงาน เนื่องจากว่าเป็นงานที่จะต้องพับ และมีการตีเส้นพับ ดังนั้นควรจะเคลือบด้วย ยิ่งเป็นงานพิมพ์เมนูอาหารที่ใช้กระดาษหนาๆ เพราะจะช่วยเคลือบและกันรอยแตกของเส้นพับได้ งานพิมพ์เมนูอาหารแบบพับนั้น มีหลายขนาดขึ้นอยู่กับการออกแบบ แต่ส่วนมากแล้วขนาดที่ทำจะต้องเป็นขนาดที่เวลากางออกแล้ว ขนาดจะไม่เกิน A-3(11.5'' x 16.5'')